รีวิวสินค้า

ทำเพลงเองคนเดียวก็เฟี๊ยวได้เต็มแบนด์เพียงแค่มี PreSonus : Music Creation Suite

โดย Millionhead ในวันที่ 11 ต.ค. 2559, 14:02 น.

" เซตอุปกรณ์ทำเพลงที่มีไมค์,ซาวการ์ด,คีบอร์ดใบ้,หูฟังมอนิเตอร์ มาให้พร้อมในกล่องเดียว PreSonus : Music Creation Suite "

" นี่ ๆๆ ถ้าผมจะบอกว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องเล็กๆใบนี้ มันสามารถทำให้เพลงของคุณมีทั้งเสียงกลอง เสียงกีตาร์ เสียงเบส เสียงร้องหรือจะเสียงนกเสียงกา ก็ยังทำได้เนี่ยะ คุณจะเชื่อไหมครับ ? "

" บ้า โม้ ใครจะไปเชื่อ แค่กลองก็ยัดใส่กล่องนี้ไม่ได้ละเหอะ แหวะใครจะเชื่อ "
และนี่ก็คงเป็นคำตอบที่ผมมักจะได้รับกลับมาเสมอครับ ฮ่าๆ ''- -

!! จริงๆแล้ว กล่องนี้มันไม่ใช่กล่องวิเศษหรือ Old Bluebox หรอกนะครับเอาเป็นว่าลองมาดูกันว่าในนี้มีอะไรบ้างแล้วมันจะทำได้อย่างที่ผมพูดจริงๆรึเปล่า ไปกันเลยครับ

ไอเทมชิ้นที่ 1 ครับ USB ออดิโอ อินเตอร์เฟส ( มันคือซาวการ์ดที่มีช่องสำหรับเสียบเพื่อบันทึกเสียง ) ชื่อรุ่น AudioBox USB Interface ขนาด 2in/2out ภาค Input เป็นแบบ Combo สามารถเสียบได้ทั้ง สายไมค์ XLR หรือ แจ็ค 1/4" สำหรับ Instrument เช่น กีต้าร์, เบส, คีย์บอร์ด เป็นต้น ตัวนี้รองรับทั้ง USB 1.1 และ 2.0 ครับ

ส่วนภาพนี้จะเป็นด้านข้าง จะมีดีไซน์เป็นลอนๆนะครับ จับถนัดมือดีครับ อ้อ..ลืมบอกไปตัวนี้บอดี้ของเค้าเป็นโลหะครับวัสดุที่ใช้ดูแล้วนึกถึงทำให้รถยุโรปเลยครับ แต่ความจริงแล้ว PreSonus เค้าเป็นของอเมริกาครับ

มาดูด้านหลังกันบ้างนะครับจะเห็นว่านอกจากจะมีช่อง MAIN OUT สำหรับออกลำโพงมอนิเตอร์และช่อง PHONE สำหรับหูฟังแล้ว มันยังมีช่องสำหรับเสียบ MIDI ทั้ง IN และ OUT มาด้วยนะครับ ซึ่งอินเตอร์เฟสตัวอื่นๆในระดับสูสีๆกันนั้นเค้าไม่ค่อยจะมีกัน ถือว่าเป็นจุดเด่นเลยก็ว่าได้ครับ

ไอเทมชิ้นที่ 2 คีบอร์ดคอนโทรลเลอร์ชื่อรุ่น PS49 USB MIDI Keyboard ( มันคือคีย์บอร์ดใบ้ครับขนาด 49 คีย์) ตัวนี้ผมขออธิบายอย่างละเอียดๆนิดนึงครับ ไปดูภาค Manual ของมันกันเลยครับ

ด้านหน้าซ้ายของตัวเครื่องเราจะเห็นเจ้าล้อกลมๆอยู่ 2 อันนะครับเจ้าล้อแรกทางซ้ายสุดมันคือ Pitch-Bend Wheel ครับมันมีไว้สำหรับเบนเสียงนั่นเองครับ เบนเสียงคืออะไรน่ะเหรอครับ ให้ลองนึกถึงการดันสายกีตาร์น่ะครับ นั่นล่ะครับเบนเสียงข้างๆกันก็เป็น Modulation Wheel มีหน้าที่เอาไว้ควบคุมความต่อเนื่องของเสียงหรือการสั่นของเสียงน่ะครับ บางคนเรียกว่าการ Vibrato แต่ถ้าเอาให้เข้าใจง่ายที่สุด ผมขอเรียกว่าลูกคอ ครับเหนือ Pitch-Bend Wheel ขึ้นมานั้นมันคือ Volume Slider สำหรับปรับความดังเบาของเสียงครับให้เราดูปุ่มขวาสุดที่เขียนเอาไว้ว่า Edit ก่อนนะครับ เพราะมันคือประตูแรกก่อนที่จะไปใช้งานอีก 2 ปุ่มถัดไปน่ะครับซึ่งปุ่ม Edit นั้นมีไว้เลือกโหมดครับเช่นโหมด Octave หรือ Transpose เป็นต้นเมื่อเราเลือกโหมดได้แล้วเราก็มาใช้อีก 2 ปุ่มที่เหลือ( Oct- , Oct+ ) ในการปรับขึ้นหรือลงเช่น เราเลือก Edit เป็นโหมด Transpose แล้วมากด Oct- เสียงที่ได้มันก็จะต่ำลง น่ะครับโดยทุกอย่างแสดงผลผ่านเจ้าจอสี่เหลี่ยมที่อยู่ใกล้ๆกับปุ่มนั่นล่ะครับทีนี้ก็จะเหลือตัววอลลุ่ม 4 ตัวเรียงกันนั่นเค้าเรียกว่า Control Knobs เอาไว้ปรับค่าของเสียงครับอีกนิดครับมาดูด้านหลังของมันก็จะมีช่องสำหรับเสียบสาย USB 2.0 มีปุ่ม On/Off เปิดปิดเครื่อง และสุดท้ายคือช่องสำหรับต่อ Sustian Pedal นั่นเองครับ

อ่าวแล้วไหนบอกว่าใบ้ไง แล้วทำไมมีทั้งลูกคอ ทั้งเบนเสียง ?

สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักคีย์บอดใบ้นั้น ก็แปลตามตัวเลยจริงๆครับ ใบ้ก็คือพูดไม่ได้ เพราะมันไม่มีเสียงเป็นของตัวเองครับโถๆๆ น่าสงสารมั้ยครับพูดได้แค่ในใจ คิดแล้วน้อยใจแทน T__T แล้วจะมีไว้เพื่ออะไรนั้นเดี๋ยวผมจะเฉลยให้ตอนท้ายนะครับ ขอบอกว่าตัวนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน

ไอเทมชิ้นที่ 3 ไมค์คอนเดนเซอร์( คือไมค์ที่สร้างมาเพื่อบันทึกเสียงโดยเฉพาะ ) โดยรุ่นนี้มีชื่อว่า M7Microphone สเป็คทางเทคนิคโดยคร่าวๆก็คือ เป็น Condenser microphone มีภาครับเสียงแบบ Cardioid ที่ความถี่ตั้งแต่ 40 Hz - 18 kHz โดยรับความดัง (SPL) ได้ถึง 136 dB นะครับ อ้ออีกอย่างมันไม่ได้มีแค่ไมค์นะครับเพราะเค้าจัดมาให้พร้อมกับ ขาตั้งโต๊ะ,สายสัญญาณXLR,ซองหนังสำหรับใส่ไมค์เลยล่ะครับ

ไอเทมชิ้นที่ 4 หูฟังแบบมอนิเตอร์ ( หูฟังสำหรับฟังรายละเอียดซึ่งต่างจากหูฟังทั่วไป ) สำหรับตัวนี้ชื่อว่า HD3 Headphones สเป็คทางเทคนิคโดยคร่าวๆก็คือ เป็นหูฟังแบบ Dynamic, semi-open มีย่านตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 15 Hz to 22 kHz ที่ 32Ω (โอห์ม) โดยรับความดังสูงสุดได้ถึง 400 mW ความยาวของสายอยู่ที่ 2.5m

ไอเทมชิ้นที่ 5 Powered USB 2.0 4 Port Hub มันคือตัวเพิ่มจำนวนช่อง USBนั่นแหละครับซึ่งมี 4 Port และมีช่องสำหรับเสียบ Adapter เพื่อจ่ายไฟในตัวครับ

ชิ้นสุดท้ายครับชิ้นที่ 6 มันคือโปรแกรมบันทึกเสียงชื่อว่า Studio One Artist 2 ครับเหมาะสำหรับใช้บันทึกเสียงตั้งแต่งานพากย์เสียง จนไปถึงการประพันธ์เพลงได้เลยล่ะครับ โปรแกรมนี้สามารถอัด,ปรับแต่ง,ใส่เอฟเฟค,...คือว่ามันทำได้เยอะมากครับถ้าจะให้ผมพูดให้เห็นภาพก็คงต้องบอกสั้นๆว่า ทำเพลงได้เลย ครับแห่ะ ^^ ซึ่งในแต่ละกล่องนั้นจะไม่มีแผ่นมาให้นะครับ แต่จะเป็นการให้ Bundle Code มาแล้วให้เราเอาไปกรอกในเวปไซต์ของทาง PreSonus ได้เลยครับ ( ตามภาพที่เห็นด้างล่างนี่เลยครับ )

อ่าว" สุดท้ายแล้วเหรอ " ได้ไง ? ก็ไหนบอกว่ามีกลอง มีเอฟเฟค มีเสียงนกเสียงกาล่ะ คุณหลอกดาว - -''

เอิ่ม...เดี๋ยวก่อนครับมันไม่มีแต่มันไม่ได้แปลว่ามันทำไม่ได้นี่นา อีกอย่างผมไม่ได้โกหกนะครับ

!! เฉลยให้ก็ได้ครับ !!

อย่างแรกเลยนะครับ สำหรับเสียงนก เสียงกา ถ้าคุณจะเอาจริงๆก็สามารถใช้ไมค์ M7 Microphone นั่นล่ะครับอัดได้เลย อาจเหนื่อยหน่อยตอนหานกหากาแต่ทำได้ครับ อิอิ

ส่วนกลอง, เบส, กีตาร์, ฯลฯ น่ะถึงเราไม่มีเครื่องดนตรีจริงๆ เราก็ทำได้ครับ ผมเฉลยให้ก็ได้ครับ เคล็ดลับมันอยู่ที่เจ้าคีย์บอร์ดใบ้นั่นไงครับ ถึงมันจะน่าสงสารเกิดมาไม่มีเสียงจากตัวของมันเองก็เหอะ ...ใครเล่าจะรู้ ว่าเมื่อไหร่ที่มันได้มีโอกาสเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์ได้เจอกับโปรแกรมทำเพลงแล้วล่ะก็ เมื่อนั้นเจ้าใบ้ที่คุณมองข้ามนั่นล่ะครับ มันจะเป็นให้คุณได้ทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นเสียงกลอง เบส เครื่องเป่าหรืออะไรก็เหอะ มันเป็นให้คุณได้หมดแหละครับขึ้นอยู่ที่ว่าคุณจะเลือกตั้งค่า VST PLUGIN ที่เราใช้งานให้มันเป็นแบบไหนน่ะครับ ฮึ่ยยพูดแล้วก็น้อยใจแทนอีกที เห็นเงียบๆงี้ประโยชน์ไม่ใช่น้อยนะครับ หุๆๆ