โดย Millionhead ในวันที่ 30 ม.ค. 2564, 18:03 น.
แนวเพลง Hip-Hop บอกเลยในยุคสมัยนี้ คือมาแรงสุดๆ ไม่ว่าใครก็สามารถทำเพลงและเป็นศิลปินได้ง่ายขึ้น
ในวันนี้ แอดดาวอังคาร จะมาบอกถึงคำแนะนำการอัดเสียงร้องของเพลงแนว Hip-Hop กัน เผื่อเพื่อนๆนำไปปรับใช้ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสู่การเป็น OG
อย่างแรกในการอัดเสียงร้องหรือแรปนั้น คือการเข้าใจและเลือกใช้ไมโครโฟนที่เหมาะกับเสียงและสถานที่อัดของเรา
ไมโครโฟนทำให้โทนเสียงของเราแตกต่างออกไปตามลักษณะและคุณสมบัติของไมโครโฟน รวมไปถึงห้องหรือสถานที่ที่เราอัดเสียงด้วย ไมโครโฟนมีสามชนิดที่คนใช้บ่อยที่สุดนั้นก็คือ Dynamic, Condenser และก็ Ribbon
ไมโครโฟน Dynamic อย่างเช่น Shure SM57 หรือ SM58 สามารถรับเสียงได้นุ่มและทุ้ม ไมโครโฟน Condenser สามารถรับเสียงได้ใสกว้างกว่าไมค์ Dynamic และ ไมโครโฟน Ribbon จะรับย่านเสียงได้กว้างและครบทุกย่าน
ในการอัดเสียงแรป ไมโครโฟน Condenser และ Ribbon จะเป็นชนิดที่ถูกเลือกใช้มากที่สุดเพราะด้วยความกว้างในการรับย่านเสียงมากกว่าไมโครโฟน Dynamic แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าไมโครโฟน Dynamic จะไม่สามารถใช้อัดเสียงแรปได้
ระยะในการร้องและแรปนั้นมีความสำคัญมาก เพราะถ้าอัดใกล้เกินจะก่อให้เกิด Proximity Effect หรือการก่อตัวของย่านเสียงต่ำ ทำให้เสียงร้องและแรปไม่ใส แต่จะได้เสียงช่วงคอมากกว่า
หากใครต้องการเสียงที่ทุ้มและดุก็สามารถร้องหรือแรปใกล้ไมค์ได้ แต่ต้องตั้ง Gain ให้ได้ระดับสัญญาณที่เหมาะเพราะการอัดร้องหรือแรปนั้นควรมี Dynamic Range ที่กว้าง
เวลาอัดเสียงร้องและแรปควรมี Pop Filter ระหว่างเราและไมโครโฟนเพราะว่า Pop Filter จะลดเสียง Plosive หรือเสียงหึ่ง และลด Proximity Effect จากนักร้องลงได้ ทำให้เราสามารถอัดเสียงร้องและแรปได้คลีนมากขึ้น
แนะนำให้ตั้ง Pop Filter ห่างจากตัวไมค์ระยะประมาณ 2-3 นิ้ว หรือ หนึ่งกำปั้นจากตัวไมค์ ส่วนระยะระหว่างเรากับตัว Pop Filter ให้อยู่ที่ประมาณ 3นิ้ว 6นิ้ว 12นิ้ว หรือ หนึ่งกำปั้นก็ลองทดลองดูว่าระยะไหนนเข้ากับเสียงของเรา
ในเพลงแนว Hip-hop จะเน้นใช้เสียงร้องหรือแรปซ้อนกันหลายเสียง ไม่ว่าจะเป็น Chorus, Double, Overdub, หรือ Ad-libs แต่ว่าการที่จะอัดเสียงรองนั้นเสียงหลักต้องสมบูรณ์แบบก่อน
วิธีที่แรปเปอร์หลายคนในยุคใหม่นิยมใช้นั้นก็คือการอัดแบบ Line-by-line หรือการอัดแค่ประโยคเดียวเป็นเทคๆไปเรื่อยๆ การอัดแบบนี้จะทำให้การออกสียงร้องหรือแรปของเราชัดและมีพลังมากขึ้น ตรงจังหวะมากกว่าการอัดยาวทีเดียว มันจะทำให้นักร้องเหนื่อยน้อยลง และง่ายต่อการนำไป process ทีหลัง
การอัดแบบนี้มีข้อเสียคืออารมณ์ของแต่ละท่อนจะพุ่งขึ้นตลอดเวลาทำให้คนฟังรู้ว่าเราอัดประโยคต่อประโยค ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกเพราะแรปเปอร์ดังหลายคน ไม่ว่าจะในไทยหรือต่างประเทศ ไม่ได้สนใจว่าจะเนียนหรือไม่เนียนแต่พวกเขาเน้นไปที่ Flow และ Deliver มากกว่า ถ้าหากอยากให้ฟังดูเนียนขึ้น เราต้องพยายามร้องเชื่อมกับท่อนก่อนหน้าไปด้วยเพื่อจะมีการส่งต่อระหว่างประโยคที่แนบเนียน
หลังจากที่เราอัดท่อนหลักไปแล้ว ท่อนรองเป็นขั้นตอนต่อไปที่จะทำให้ท่อนร้องหรือแรปนั้นดูมีมิติและสมบูรณ์มากขึ้น ท่อนรองขึ้นอยู่กับว่าเราอยากให้เพลงเราได้อารมณ์ประมาณไหน
ถ้าอยากได้เสียงแรปแบบหลวมๆและว่างเปล่า ก็ไม่จำเป็นที่ต้องเติมอะไรมากยกเว้น Ad-libs แต่ถ้าอยากได้เสียงร้องหรือแรปให้ดูดุดันและแน่นขึ้น วิธีง่ายๆคือลอง Double เสียงร้องหลัก แล้วเราค่อยเติม Overdubs ตามลงไปทีหลัง ซึ่ง Overdubs ก็อาจจะเป็นท่อนร้องทั้งท่อนเลยแล้วแพน กลาง ซ้าย ขวา หรืออาจจะเป็นแค่ Punchline ของประโยคนั้นๆแล้วแพนซ้ายขวา เทคนิคนี้จะทำให้ท่อนหลักดูมีพลังและมีมิติมากขึ้น
หลังจากนั้นเราก็จะเติม Ad-libs เป็นอันดับสุดท้ายเพื่อคุมพื้นที่ที่ว่างเปล่าของเพลง คำแนะนำเพิ่มเติมคือเราไม่จำเป็นต้องเขียนเนื้อหรือแต่ง Flow ของเราให้เต็มทุกจังวะเพื่อที่จะมีที่ไว้สำหรับใส่ Ad-libs
สำหรับขึ้นตอนสุดท้ายนี้จะอยู่ในช่วงของการมิกซ์เพลง การใช้ Reverb , Delay พอประมาณจะทำให้ท่อนแรปของเราฟังดูลื่นหูมีมิติและลูกเล่นมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากใช้เยอะมากเกินไปจะทำให้ท่อนแรปมัวและฟังไม่ชัด ยิ่งถ้าเรามีท่อนรองเยอะจะยิ่งทำให้มัวมากขึ้นไป
การใช้ Compressor ก็จะช่วยควบคุม Dynamic เสียงร้องคงที่และทำให้เนื้อเสียงฟังดูหนักแน่นและชัดขึ้น หากใช้เยอะไปจะทำให้เสียงฟังดูแบนและขาด Dynamic แต่ทว่าแรปเปอร์ ยกตัวอย่างเช่นค่าย Lyrical Lemonade มักจะกด Compressor กับเสียงร้องหนักๆให้เสียงฟังดูแหบๆซากๆและดุขึ้น
อีกเอฟเฟคที่แนะนำก็คือ Saturator ซึ่งจะช่วยให้เสียงร้องสว่างและชัดขึ้นเช่นกันแต่ไม่ควรใสเยอะจนเกินไปเพราะไม่งั้นเสียงร้องจะแหลมจนแสบหูและก็แตกอีกด้วย
Line@ | : @millionheadpro |
: millionheadpro | |
: millionheadpro |